รูมาตอยด์

โรครูมาตอยด์: เยียวยาที่ต้นเหตุด้วยพลังงานระดับเซลล์

1. สาเหตุของโรครูมาตอยด์: ความบกพร่องของไมโทคอนเดรียและการเสียสมดุลของ AMPK, Sirtuin, mTOR

โรครูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) เป็นโรคออโตอิมมูนที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายหันมาทำลายข้อต่อตนเอง ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ปวด บวม และเสื่อมของข้อต่างๆ ซึ่งในทางแพทย์แผนปัจจุบันมักเน้นควบคุมอาการด้วยยา เช่น สเตียรอยด์หรือ DMARDs แต่แนวทางนี้มักแก้ที่ “ปลายเหตุ”

ในมุมลึกระดับชีวโมเลกุล ความเสื่อมของ ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการอักเสบของระบบภูมิคุ้มกัน เซลล์ภูมิคุ้มกัน เช่น T cells และ macrophages ต้องใช้พลังงานมากในการทำงาน หากไมโทคอนเดรียทำงานผิดปกติ เซลล์เหล่านี้จะเข้าสู่โหมดอักเสบเรื้อรัง (Chronic inflammation)

AMPK (AMP-activated protein kinase) เป็นตัวควบคุมสมดุลพลังงานของเซลล์ หาก AMPK ทำงานบกพร่อง จะทำให้ร่างกายสะสมไขมัน น้ำตาลสูง เกิดภาวะอักเสบ และภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ

ในขณะเดียวกัน Sirtuin ซึ่งเป็นโปรตีนกลุ่มสำคัญที่เกี่ยวกับการยืดอายุเซลล์และควบคุมการอักเสบ ก็ลดลงตามอายุ การขาด Sirtuin ส่งผลให้กระบวนการซ่อมแซมเซลล์ถูกยับยั้ง ทำให้การอักเสบเรื้อรังไม่สามารถหยุดได้

ส่วน mTOR ซึ่งเป็นสัญญาณที่ควบคุมการเติบโตของเซลล์ หากถูกกระตุ้นมากเกินไป (จากการกินอาหารถี่ หวาน มัน หรือเครียดเรื้อรัง) จะยิ่งกระตุ้นการอักเสบและขัดขวางการเข้าสู่โหมดซ่อมแซมของเซลล์

กล่าวโดยสรุป: โรครูมาตอยด์ไม่ได้เกิดจากโชคชะตา แต่คือการที่เซลล์ร่างกายขาดพลังงานและเสียสมดุลในระดับลึก และเมื่อเรารู้ต้นเหตุ เราก็สามารถออกแบบการฟื้นฟูอย่างตรงจุดได้


2. อาการของโรครูมาตอยด์

โรครูมาตอยด์มีอาการที่จำเพาะ ได้แก่:

  • ปวดข้อ ข้อบวม แดง ร้อน โดยเฉพาะข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า ข้อมือ
  • ข้อขยับลำบาก โดยเฉพาะช่วงเช้า (morning stiffness)
  • อ่อนเพลียเรื้อรัง น้ำหนักลด
  • มีไข้ต่ำๆ บางครั้ง
  • ในระยะยาวอาจมีความผิดปกติของหัวใจ ปอด และดวงตาร่วมด้วย

อาการเหล่านี้เป็นผลจากกระบวนการอักเสบอัตโนมัติ ซึ่งสามารถย้อนกลับได้หากเราฟื้นฟูสมดุลพลังงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน


3. การรักษาแบบต้นเหตุ: โภชนบำบัด คีโต IF18/6 และไลฟ์สไตล์เพื่อคืนสมดุลให้เซลล์

3.1 โภชนบำบัดแบบคีโตเจนิก (Ketogenic Diet)
การกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ (เช่น งดแป้ง น้ำตาล) และเน้นไขมันดี เช่น น้ำมันมะพร้าว อะโวคาโด น้ำมันมะกอก จะกระตุ้นให้ร่างกายเปลี่ยนมาใช้ คีโตนบอดี้ แทนกลูโคส ซึ่งคีโตนนี้ช่วยลดการอักเสบในระดับเซลล์ กระตุ้น AMPK และเสริม Sirtuin ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลดการทำงานเกินของ mTOR

นอกจากนี้การงดกลูเตน (จากแป้งสาลี) และเลคติน (จากถั่วและธัญพืชบางชนิด) ก็ช่วยลดการกระตุ้นภูมิคุ้มกันผิดปกติได้อย่างเห็นผล

3.2 การอดอาหารแบบช่วงเวลา (Intermittent Fasting 18/6)
IF 18/6 คือการอดอาหาร 18 ชั่วโมง และกินภายใน 6 ชั่วโมง ช่วยกระตุ้นกระบวนการ Autophagy ที่เปรียบเสมือนการรีไซเคิลของเสียในเซลล์ รวมถึงเซลล์ภูมิคุ้มกันที่เสียสมดุล การกระตุ้น AMPK และ Sirtuin จะเกิดขึ้นสูงสุดในช่วงอดอาหาร ทำให้เซลล์เริ่มเข้าสู่โหมด “ซ่อมแซม” แทน “อักเสบ”

3.3 ไลฟ์สไตล์บำบัด

  • การลดความเครียด ด้วยการฝึกหายใจลึก การนั่งสมาธิ หรือเดินกลางธรรมชาติ ช่วยลดคอร์ติซอลและการกระตุ้น mTOR
  • การนอนหลับลึก อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน กระตุ้นการซ่อมแซมภูมิคุ้มกัน
  • การออกกำลังกายเบาๆ เช่น โยคะ แกว่งแขน หรือเดินเร็ว ช่วยกระตุ้น AMPK และลดภาวะอักเสบในข้อต่อ
  • การรับแสงแดดยามเช้า 10–15 นาที ช่วยกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนินและปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน

แนวทางทั้งหมดนี้มุ่งเน้นการ “เยียวยาและย้อนคืนสมดุล” แทนการ “กดอาการ” ดังเช่นแนวทางยาเคมี


4. สรุป: อโรคาโภชนา – กินเพื่อไร้โรค ด้วยพลังฟื้นฟูจากภายใน

โรครูมาตอยด์อาจดูเหมือนเป็นโรคที่ต้องอยู่กับมันตลอดชีวิต แต่ในความเป็นจริง เมื่อเราเข้าใจรากของปัญหาและเลือกฟื้นฟูจากภายในระดับเซลล์ เราสามารถพลิกฟื้นสุขภาพได้อย่างมั่นคง

การปรับโภชนาการด้วยคีโต การใช้ IF18/6 การนอนหลับที่ดี ลดความเครียด และการเลือกอาหารให้สอดคล้องกับชีววิถีมนุษย์ ล้วนเป็นแก่นของศาสตร์  อโรคาโภชนา หรือการกินเพื่อไร้โรค ไม่ใช่แค่เพื่ออิ่มท้อง แต่เพื่อปลดปล่อยเซลล์จากภาวะอักเสบเรื้อรัง และคืนความมีชีวิตชีวาให้ร่างกาย

เพราะสุขภาพที่ดีไม่ได้มาจากการรักษาเมื่อเจ็บป่วย แต่เกิดจากการมีภูมิคุ้มกันที่รู้จักตนเอง รู้จักหยุด และรู้จักฟื้นฟูด้วยวิถีธรรมชาติที่สอดคล้องกับร่างกายเราเอง

ใส่ความเห็น