แพนิค

แพนิค (Panic Disorder): ปรับสมดุลพลังงานสมอง ฟื้นคืนชีวิตที่สงบจากต้นเหตุ


1. สาเหตุ: ความบกพร่องของพลังงานเซลล์สมอง จุดเริ่มของวงจรความกลัวซ้ำซ้อน

อาการแพนิคหรือโรคตื่นตระหนก (Panic Disorder) คือภาวะที่จิตใจตอบสนองต่อสิ่งเร้าเกินจริง โดยมักเกิดขึ้นแบบฉับพลันแม้ไม่มีเหตุการณ์อันตรายใดๆ และเกิดซ้ำๆ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์เดิมๆ ซึ่งแท้จริงแล้ว ปัญหาหลักอยู่ที่ระดับพลังงานของสมองและระบบประสาทอัตโนมัติ โดยเฉพาะบริเวณที่ควบคุมความกลัว เช่น Amygdala และ Hippocampus

กลไกระดับลึกที่เกี่ยวข้อง ได้แก่:

  • AMPK (AMP-activated protein kinase): เมื่อการเผาผลาญพลังงานไม่ดี เซลล์สมองจะขาดพลังงานทันที ทำให้ประสาทไวเกิน และไม่สามารถควบคุมอารมณ์หรือการตอบสนองฉับพลันได้
  • SIRTUIN: การทำงานของ SIRT1 โดยเฉพาะในสมอง มีบทบาทควบคุมการต้านการอักเสบ ความเครียดออกซิเดชัน และสมดุลของ circadian rhythm หากไม่ทำงานดี สมองจะอ่อนล้าและไวต่อความกลัว
  • mTOR: หากอยู่ในโหมดสร้าง (growth mode) ตลอดเวลาเพราะกินถี่/กินหวาน จะรบกวนการเข้าสู่โหมดซ่อม (repair mode) ทำให้ระบบประสาทอยู่ในโหมดตื่นตัวเกินควร (sympathetic dominance)

เมื่อไมโตรคอนเดรียในสมองอ่อนล้า + ระบบประสาทพังพินาศ = เกิดวงจรแพนิค


2. อาการ: ความกลัวที่ควบคุมไม่ได้ สะท้อนถึงสมดุลภายในที่ผิดเพี้ยน

  • ใจสั่น หายใจถี่ เหงื่อออก มึนหัว
  • แน่นหน้าอก เหมือนจะตาย หายใจไม่ออก
  • รู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ กลัวจนตัวชา
  • บางครั้งหลีกเลี่ยงสถานที่หรือเหตุการณ์ที่เคยแพนิค
  • หลังเหตุการณ์ อาจรู้สึกหมดแรง ซึมเศร้า

อาการเหล่านี้คือผลลัพธ์จาก สมองตอบสนองแบบ “ไฟไหม้ทั้งระบบ” โดยไม่มีเชื้อจริง เพราะร่างกายเข้าใจผิดว่า “กำลังเผชิญภัยคุกคาม” ทั้งที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย


3. การรักษาแบบฟื้นพลังสมองจากต้นเหตุ

ก. โภชนาบำบัดแนวคีโตเจนิก (Ketogenic Diet):

  • ลดน้ำตาล ลดคาร์บเร็ว: ตัดวงจรสมองหิว-หวาน-ไฮและโลว์ทันที ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการกระตุ้นความกลัวและการตื่นตัว
  • เน้นไขมันดี เช่น MCT oil, น้ำมันมะกอก ช่วยให้สมองมีพลังงานเสถียรจากคีโตน
  • เพิ่มสารตั้งต้น GABA และเซโรโทนิน ผ่านอาหาร เช่น ไข่, ปลา, แมกนีเซียม, วิตามิน B
  • งดคาเฟอีน/แอลกอฮอล์ เพราะเป็นตัวกระตุ้นระบบประสาทที่ทำให้แพนิคกำเริบ

ข. การอดอาหารเป็นช่วง (Intermittent Fasting 18/6):

  • เปิดการทำงานของ AMPK – ลดภาวะอักเสบในสมอง
  • กระตุ้น SIRTUIN – เสริมความยืดหยุ่นของระบบประสาท
  • เพิ่มระดับ BDNF (Brain-Derived Neurotrophic Factor) ซึ่งช่วยให้สมองซ่อมแซมและฟื้นตัว
  • ลด cortisol และ norepinephrine ที่เกินในภาวะแพนิค

ค. ไลฟ์สไตล์ฟื้นสมองและระบบประสาท:

  • เดินตอนเช้าแดดอ่อนๆ + หายใจลึกๆ: ช่วยฟื้น circadian rhythm ลดความไวของสมอง
  • นอนก่อน 5 ทุ่ม เพื่อให้ SIRTUIN ทำงานเต็มที่
  • ฝึกสมาธิ-การอยู่กับปัจจุบัน (Mindfulness): เป็นเทคนิคตัดวงจร “คิดล่วงหน้าแล้วกลัว”
  • เสริมสมุนไพรลดแพนิคตามธรรมชาติ เช่น โสมเกาหลี, ใบแป๊ะก๊วย, Ashwagandha, Rhodiola
  • งดข่าวร้าย – งดมือถือก่อนนอน เพื่อป้องกันสารเร้าเกินที่กระตุ้นระบบประสาทตื่นตัว

4. สรุป: ฟื้นพลังสมอง หยุดแพนิคด้วย “การกินอยู่ที่ไม่ก่อโรค”

แพนิคไม่ใช่เพียง “โรคใจ” หรือ “จิตอ่อน” แต่คือผลจาก “ระบบพลังงานในสมองล้มเหลว” และ “ไมโตรคอนเดรียไม่สามารถป้อนพลังงานอย่างสมดุล” ซึ่งนำไปสู่การไวต่อความกลัวโดยไม่ตั้งใจ

หากเราเข้าใจต้นเหตุและเลือกใช้วิธีบำบัดแบบฟื้นฟูพลังงาน — ด้วยคีโตเจนิกที่ถูกต้อง, IF แบบไม่ตึงเกิน, อาหารที่ช่วย GABA และสมาธิที่พาใจกลับบ้าน — สมองจะเข้าสู่โหมดสงบ ปลอดภัย และฟื้นตัวได้ในที่สุด

ทั้งหมดนี้คือหลักคิดของ  อโรคาโภชนา — การกินอยู่อย่างรู้สึกตัวเพื่อไม่ก่อโรค ฟื้นสมดุลพลังงานให้ร่างกายกลับมาดูแลใจของเราได้อย่างแท้จริง เพราะเมื่อพลังสมองกลับมา ความสงบจะกลับมาเอง

ใส่ความเห็น