พาร์กินสัน

พาร์กินสัน: ฟื้นฟูสมองจากต้นเหตุ ด้วยพลังงานเซลล์และโภชนบำบัด

1. สาเหตุที่แท้จริง: ความเสื่อมของไมโทคอนเดรีย จุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวที่ผิดจังหวะ

โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease) คือโรคทางระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมของเซลล์สมอง โดยเฉพาะในบริเวณ Substantia Nigra ซึ่งมีหน้าที่ผลิต โดปามีน (dopamine) สารสื่อประสาทสำคัญที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ความจดจ่อ และอารมณ์

แต่เบื้องลึกของการเสื่อมนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไร้สาเหตุ หากเราย้อนกลับไปดูในระดับเซลล์ พบว่า “ไมโทคอนเดรีย” หรือโรงงานพลังงานของเซลล์เสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ จนเซลล์ประสาทตายลงก่อนเวลาอันควร

กลไกระดับลึกที่มีบทบาทอย่างสำคัญ ได้แก่:

  • AMPK (AMP-activated protein kinase): เป็นเซ็นเซอร์พลังงาน หากถูกกดทับด้วยน้ำตาลและอาหารแปรรูปจะไม่ทำงาน ทำให้ไมโทคอนเดรียไม่ถูกกระตุ้นให้ซ่อมแซมหรือสร้างใหม่
  • Sirtuin: เป็นโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซม DNA และลดการอักเสบ หาก Sirtuin ลดลง เซลล์สมองจะเสียหายเร็วขึ้น
  • mTOR: เป็นตัวควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ ถ้าทำงานมากเกินไปจะยับยั้ง Autophagy หรือกระบวนการล้างของเสีย ทำให้โปรตีนผิดรูป เช่น Alpha-Synuclein สะสมในสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของพาร์กินสัน

2. อาการของพาร์กินสัน: เมื่อสมองขาดโดปามีนและพลังงาน

  • มือสั่น (Tremor) โดยเฉพาะขณะพัก
  • กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง (Rigidity) เคลื่อนไหวไม่คล่อง
  • เคลื่อนไหวช้า (Bradykinesia) หยุดนิ่งกระทันหัน
  • สีหน้าเรียบเฉย พูดน้อย
  • ท่าทางผิดปกติ ทรงตัวลำบาก
  • ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน
  • อาจมีภาวะสมองเสื่อมร่วมด้วยในระยะหลัง

แม้ยา L-Dopa จะช่วยเสริมโดปามีนในระยะแรกได้ดี แต่อาการกลับทรุดลงเมื่อใช้ต่อเนื่องนาน ๆ เพราะต้นเหตุที่แท้จริงคือ “พลังงานเซลล์ที่ล้มเหลว” ไม่ได้ถูกเยียวยา

3. แนวทางเยียวยาจากต้นเหตุ: เติมพลังสมอง สร้างเซลล์ใหม่

การฟื้นฟูโรคพาร์กินสันจากต้นเหตุคือการ “ปลุกเซลล์สมองให้มีพลังงาน สร้างใหม่ และล้างของเสียได้อีกครั้ง” ซึ่งสามารถทำได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงอาหาร การอดอาหารเป็นช่วง และไลฟ์สไตล์ที่สนับสนุนระบบเซลล์

3.1 โภชนาบำบัด: ฟื้น AMPK กระตุ้น Sirtuin ปรับสมดุล mTOR

  • งดน้ำตาล แป้ง และอาหารแปรรูป: ช่วยเปิดการทำงานของ AMPK ลดกิจกรรม mTOR ที่มากเกินไป
  • เพิ่มไขมันดี: เช่น MCT oil, น้ำมันมะกอก, น้ำมันอะโวคาโด ช่วยผลิตคีโตนที่เป็นพลังงานสะอาดให้สมอง
  • เสริมสารต้านอนุมูลอิสระ: เช่น CoQ10, NAC, Alpha Lipoic Acid, Resveratrol เพื่อปกป้องไมโทคอนเดรียจากความเสียหาย
  • เน้นอาหารครบถ้วนจากธรรมชาติ: กระเทียม ขิง เคอร์คูมิน บลูเบอร์รี่ มีบทบาทในการฟื้นฟูเซลล์สมอง

3.2 คีโตเจนิกไดเอต: ให้สมองใช้คีโตนแทนน้ำตาล

  • สมองของผู้ป่วยพาร์กินสันมักใช้กลูโคสได้น้อยลง แต่ยังสามารถใช้ “คีโตน” ได้ดี
  • คีโตนเป็นพลังงานที่ลดการอักเสบ สร้างไมโทคอนเดรียใหม่ และกระตุ้น BDNF (สารอาหารสมอง)
  • งานวิจัยพบว่าในสัตว์ทดลอง คีโตเจนิกไดเอตช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ประสาทโดปามีนได้จริง

3.3 IF 18/6: อดอาหารอย่างมีวินัย กระตุ้น Autophagy

  • การอดอาหาร 18 ชั่วโมงต่อวัน กระตุ้น AMPK และลด mTOR ทำให้สมองล้างของเสียสะสมได้ดีขึ้น
  • Autophagy มีบทบาทโดยตรงในการเคลียร์ Alpha-Synuclein ที่สะสมในสมองผู้ป่วยพาร์กินสัน
  • ยังช่วยรีเซ็ตการอักเสบระดับต่ำในสมอง (Neuroinflammation) ซึ่งเป็นเบื้องหลังของโรคเสื่อมเรื้อรังหลายชนิด

3.4 ไลฟ์สไตล์: เติมการเคลื่อนไหวและความสงบ

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว โยคะ เต้นรำ ช่วยกระตุ้นการสร้างโดปามีนโดยธรรมชาติ
  • ฝึกสมาธิ ฝึกหายใจลึก ลดความเครียดและภาวะ Oxidative Stress ในสมอง
  • การนอนคุณภาพสูง: สมองจะฟื้นฟูตัวเองขณะหลับ หากนอนไม่ดีจะเร่งการเสื่อมของเซลล์
  • ลดสารพิษรอบตัว: เช่น ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก พลาสติก BPA ซึ่งมีงานวิจัยเชื่อมโยงกับพาร์กินสันโดยตรง

4. สรุป: พาร์กินสันไม่ใช่จุดจบ หากเริ่มต้นจากต้นเหตุ

พาร์กินสันอาจเป็นโรคที่ยากเยียวยาหากมองแค่ระดับอาการ แต่หากเรามองลึกลงไปถึงระดับเซลล์ จะพบโอกาสในการฟื้นฟูที่แท้จริง — ผ่านการปรับอาหาร การอดอาหาร การฟื้นฟูไมโทคอนเดรีย และการใช้ไลฟ์สไตล์เป็นยา

นี่คือหัวใจของแนวคิด  อโรคาโภชนา — การใช้โภชนาการที่ถูกต้องตามธรรมชาติ เพื่อคืนพลังให้เซลล์ คืนสมดุลให้สมอง และคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้ผู้ป่วยได้กลับมาเคลื่อนไหวอย่างมีอิสระอีกครั้ง

Leave a Comment

Scroll to Top