ปวดเรื้อรังทั่วร่างกาย

ปวดเรื้อรังทั่วร่างกาย (Fibromyalgia): มุมมองใหม่จากรากสาเหตุของความผิดปกติของพลังงานระดับเซลล์

Fibromyalgia หรือที่มักเรียกกันว่า “ภาวะปวดเรื้อรังทั่วร่างกาย” เป็นภาวะที่ผู้ป่วยรู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อทั่วตัว ร่วมกับอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ สมองล้า (brain fog) และอารมณ์แปรปรวน ปัจจุบันแม้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดทางการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่งานวิจัยด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูระดับเซลล์เริ่มเปิดเผยเบื้องหลังที่สำคัญซึ่งสัมพันธ์กับพลังงานของเซลล์โดยตรง นั่นคือ “ความบกพร่องของไมโทคอนเดรีย” หรือโรงงานพลังงานของร่างกาย ที่อาจเชื่อมโยงกับภาวะนี้อย่างลึกซึ้ง

สาเหตุลึกซึ้ง: ความบกพร่องของไมโทคอนเดรีย และการทำงานผิดสมดุลของ AMPK – Sirtuin – mTOR

ไมโทคอนเดรีย คือแหล่งผลิตพลังงานหลักของเซลล์ในรูปของ ATP ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของทุกระบบในร่างกาย โดยเฉพาะสมอง กล้ามเนื้อ และระบบประสาท เมื่อไมโทคอนเดรียทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จะส่งผลให้เกิดภาวะพลังงานต่ำเรื้อรังในระดับเซลล์

กลไกที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้คือระบบการควบคุมพลังงานของเซลล์ ได้แก่

  • AMPK (AMP-activated protein kinase): เซ็นเซอร์พลังงานของเซลล์ ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างพลังงานและขจัดของเสีย
  • Sirtuin (โดยเฉพาะ SIRT1 และ SIRT3): โปรตีนต้านความชรา ที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของไมโทคอนเดรีย และควบคุมการอักเสบ
  • mTOR (mechanistic Target of Rapamycin): โปรตีนที่ควบคุมการเติบโตของเซลล์ ซึ่งเมื่อทำงานมากเกินไปจะรบกวนการฟื้นฟูเซลล์

เมื่อระบบเหล่านี้เสียสมดุล โดยเฉพาะในผู้ที่บริโภคอาหารแปรรูปมากเกินไป มีน้ำตาลสูง ใช้ชีวิตแบบนั่งอยู่กับที่ หรือมีภาวะเครียดเรื้อรัง จะทำให้ไมโทคอนเดรียเสื่อมประสิทธิภาพ เกิดการอักเสบในระดับต่ำทั่วร่างกาย ซึ่งเป็นรากของอาการ fibromyalgia

อาการของ Fibromyalgia

ผู้ที่มีภาวะ fibromyalgia มักมีอาการดังต่อไปนี้:

  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อทั่วตัวแบบกระจาย
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย แม้นอนหลับเต็มอิ่ม
  • สมองล้า (brain fog) ขาดสมาธิ หลงลืมง่าย
  • ปวดศีรษะเรื้อรังหรือไมเกรน
  • อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า หรือวิตกกังวล
  • นอนไม่หลับ หรือนอนหลับไม่ลึก
  • ลำไส้แปรปรวน ท้องอืด แน่นท้อง

อาการเหล่านี้อาจกำเริบจากความเครียด การนอนไม่พอ การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือการใช้ชีวิตที่ไม่ขยับร่างกาย

แนวทางการรักษาที่ต้นเหตุ: ฟื้นฟูพลังงานเซลล์ด้วยโภชนาบำบัด คีโต IF ไลฟ์สไตล์ธรรมชาติ

การรักษา fibromyalgia ที่ต้นเหตุควรมุ่งเป้าไปที่การฟื้นฟูการทำงานของไมโทคอนเดรีย และปรับสมดุลของ AMPK – Sirtuin – mTOR ให้กลับมาเป็นปกติ โดยไม่เน้นเพียงแค่การระงับอาการปวดชั่วคราวด้วยยา

1. โภชนาบำบัด (Nutritional Therapy)

อาหารคือปัจจัยหลักที่สามารถเปิดหรือปิดสวิตช์พลังงานในร่างกายได้อย่างทรงพลัง การหลีกเลี่ยงน้ำตาล แป้งขัดขาว ไขมันทรานส์ และอาหารแปรรูป จะช่วยลดการอักเสบและภาระของไมโทคอนเดรีย

แนะนำให้รับประทานอาหารแนว “คีโตเจนิก (Ketogenic Diet)” ซึ่งเน้นการใช้ไขมันดีเป็นพลังงาน เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมัน MCT อะโวคาโด ไข่ ปลา พร้อมกับงดน้ำตาล

2. การทำ IF แบบ 18/6 (Intermittent Fasting 18/6)

การเว้นช่วงกินอาหารวันละ 18 ชั่วโมง ช่วยกระตุ้น AMPK และ Sirtuin ทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดซ่อมแซมเซลล์ (autophagy) ซึ่งเป็นกระบวนการกำจัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพออกไป และส่งเสริมการฟื้นฟูไมโทคอนเดรีย

3. เสริมสารอาหารที่ฟื้นฟูพลังงานเซลล์

สารสำคัญเช่น NAD+ precursors (เช่น NMN, NR), CoQ10, PQQ, แมกนีเซียม, และวิตามินบีรวม มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างประสิทธิภาพของไมโทคอนเดรีย และลดอาการปวดเมื่อย

4. ปรับไลฟ์สไตล์แบบองค์รวม

  • การนอนให้ลึกและเพียงพอ
  • การออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดิน ปรับร่างกายให้เคลื่อนไหวทุกวัน
  • ลดความเครียดด้วยการหายใจลึก สมาธิ หรือโยคะ
  • เชื่อมต่อกับธรรมชาติ แสงแดดยามเช้า และการดิน (Earthing)

อโรคาโภชนา: ทางเลือกของสุขภาพแท้ที่ต้นเหตุ

เมื่อเรามอง fibromyalgia ว่าเป็นผลของการเสียสมดุลในระดับเซลล์ มากกว่าความผิดปกติที่แก้ด้วยยาเพียงอย่างเดียว เราจะพบว่าแนวทางแบบองค์รวมที่เน้น “การรักษาจากต้นเหตุ” คือคำตอบที่แท้จริง

การดูแลตนเองผ่านการกินที่เป็นยา (Food as Medicine) การฟื้นฟูพลังงานภายใน การปรับพฤติกรรม และใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ล้วนคือหลัก  อโรคาโภชนา -ที่เน้นการกินเพื่อไม่ให้เกิดโรค และเพื่อคืนสมดุลให้ร่างกายอย่างยั่งยืน

ใส่ความเห็น