โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis)
การฟื้นฟูสุขภาพจากต้นเหตุผ่านระบบพลังงานเซลล์และโภชนาบำบัด
โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง หรือ Multiple Sclerosis (MS) คือโรคเรื้อรังที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำลายปลอกไมอีลิน (Myelin Sheath) ซึ่งห่อหุ้มเส้นประสาทในระบบประสาทส่วนกลาง ส่งผลให้การส่งสัญญาณไฟฟ้าในระบบประสาทผิดปกติ เกิดอาการชาตามตัว อ่อนแรง กล้ามเนื้อกระตุก การมองเห็นผิดปกติ ไปจนถึงเดินไม่ได้ในระยะยาว
แม้ว่าในทางการแพทย์สมัยใหม่จะมองว่าเป็นโรคออโตอิมมูน (ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง) แต่แนวคิดใหม่ในเวชศาสตร์ฟื้นฟูระดับเซลล์และเวชศาสตร์ชะลอวัย เริ่มมองว่า ต้นเหตุของการเสียสมดุลในระบบภูมิคุ้มกัน นั้น เริ่มจาก “พลังงานระดับเซลล์” ที่ถดถอย โดยเฉพาะการทำงานผิดปกติของไมโทคอนเดรีย และการควบคุมพลังงานผ่านกลไก AMPK – Sirtuin – mTOR ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการอักเสบเรื้อรังและการเสื่อมของปลอกประสาท
1. สาเหตุลึก: ความเสื่อมของไมโทคอนเดรียและระบบพลังงานเซลล์
ไมโทคอนเดรียในเซลล์ประสาทมีหน้าที่สำคัญในการผลิตพลังงาน (ATP) และควบคุมกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ หากไมโทคอนเดรียเสื่อมสภาพหรือทำงานผิดปกติ จะทำให้เซลล์สมองและเซลล์ประสาทขาดพลังงาน และกลายเป็นจุดเริ่มของการอักเสบภายใน
ระบบพลังงานเซลล์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่:
- AMPK (AMP-activated protein kinase): กระตุ้นการเผาผลาญและการทำลายเซลล์เสื่อมสภาพ หาก AMP:ATP ratio ผิดปกติจะส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ
- Sirtuin (SIRT1, SIRT3): ทำหน้าที่ควบคุมการต้านการอักเสบ ฟื้นฟูไมโทคอนเดรีย และยับยั้งการตายของเซลล์ประสาท
- mTOR (mechanistic Target of Rapamycin): เกี่ยวข้องกับการเติบโตของเซลล์ เมื่อทำงานเกินจะไปขัดขวางกระบวนการฟื้นฟู (autophagy) และส่งเสริมภาวะอักเสบ
ความไม่สมดุลในระบบเหล่านี้ มักเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารแปรรูป การบริโภคน้ำตาลสูง ความเครียดเรื้อรัง และการขาดการเคลื่อนไหวทางกายภาพ ทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะอักเสบเรื้อรัง นำไปสู่การเสื่อมของปลอกประสาทในที่สุด
2. อาการของโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
โรค MS มีอาการหลากหลายขึ้นอยู่กับตำแหน่งของการทำลายปลอกไมอีลิน เช่น:
- ชา อ่อนแรง หรือสูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อบางส่วน
- การมองเห็นลดลง หรือเห็นภาพซ้อน
- การทรงตัวและการเดินผิดปกติ
- อ่อนเพลียเรื้อรัง แม้พักผ่อนเพียงพอ
- ปวดตามเส้นประสาท
- ความจำและสมาธิลดลง
- ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล
โดยอาการอาจมาเป็นช่วง ๆ หรือแย่ลงเรื่อย ๆ ตามระยะของโรค
3. แนวทางฟื้นฟูจากต้นเหตุ: การฟื้นคืนพลังงานเซลล์และสมดุลภูมิคุ้มกัน
3.1 โภชนาบำบัดเพื่อฟื้นฟูไมโทคอนเดรีย
การรับประทานอาหารแบบ คีโตเจนิก (Ketogenic Diet) เป็นหนึ่งในแนวทางที่ได้รับการวิจัยว่าช่วยฟื้นฟูไมโทคอนเดรีย และลดการอักเสบได้ดี โดยเน้นอาหารไขมันดี เช่น MCT oil, น้ำมันมะพร้าว, ปลา, ไข่, อะโวคาโด และงดแป้ง น้ำตาล รวมถึงน้ำมันพืชโอเมก้า-6 ที่กระตุ้นการอักเสบ
คีโตยังช่วยให้ร่างกายสร้างพลังงานจาก คีโตน ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและลดของเสียในเซลล์ประสาท
3.2 Intermittent Fasting (IF) แบบ 18/6
การทำ IF เป็นเครื่องมือทรงพลังในการเปิดสวิตช์ AMPK และกระตุ้นกระบวนการ autophagy ที่ขจัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพออกจากร่างกาย ฟื้นฟูสมอง และลดการอักเสบภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ
IF ยังช่วยกระตุ้น SIRT1 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างไมอีลินใหม่ และชะลอการเสื่อมของระบบประสาท
3.3 สารอาหารสำคัญเพื่อเซลล์ประสาท
- CoQ10, PQQ, NAD+ precursors (เช่น NMN, NR): เสริมพลังงานและลดความเครียดออกซิเดชันในเซลล์
- วิตามิน D3 และ Omega-3 (DHA): ส่งเสริมการฟื้นฟูปลอกประสาท และลดการอักเสบ
- แมกนีเซียม วิตามินบีรวม: สนับสนุนการทำงานของระบบประสาท
3.4 ปรับไลฟ์สไตล์แบบองค์รวม
- นอนหลับให้เพียงพอ และมีคุณภาพ
- ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดิน โยคะ ยืดกล้ามเนื้อ
- หลีกเลี่ยงความเครียดด้วยสมาธิ หายใจลึก หรือการอยู่ใกล้ธรรมชาติ
- ฝึกการอยู่กับปัจจุบัน เพิ่มความผ่อนคลายทางใจ
อโรคาโภชนา: การกินเพื่อไม่ให้เกิดโรค คือคำตอบของการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน
โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งไม่ใช่จุดจบของชีวิต หากเราเข้าใจรากของปัญหาในระดับเซลล์ และใช้พลังแห่งอาหาร วิถีชีวิต และธรรมชาติ เป็นเครื่องมือเยียวยา การพลิกฟื้นกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีพลังอีกครั้งก็เป็นไปได้
หลักการ อโรคาโภชนา -ซึ่งหมายถึง “การกินเพื่อไม่ให้เกิดโรค” คือหัวใจของการดูแลตนเองแบบองค์รวม ให้ร่างกายได้ฟื้นตัวด้วยตนเองจากภายในอย่างแท้จริง เมื่อเรากินอย่างมีสติ อยู่กับธรรมชาติ และลดปัจจัยที่เร่งความเสื่อม ร่างกายก็พร้อมจะเยียวยาอย่างทรงพลัง