จิตเภท

จิตเภท: เมื่อจิตวิญญาณสับสนเพราะพลังงานสมองบกพร่อง

1. สาเหตุเชิงลึกจากความบกพร่องของไมโทคอนเดรีย AMPK, Sirtuin และ mTOR

จิตเภท (Schizophrenia) ไม่ได้เป็นแค่โรคทางจิตเวชทั่วไป แต่คือสัญญาณของความผิดปกติระดับลึกในระบบพลังงานของสมอง โดยเฉพาะระบบไมโทคอนเดรีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลังงานของเซลล์สมอง หากไมโทคอนเดรียทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ สมองจะขาด ATP และไม่สามารถรักษาสมดุลของสารสื่อประสาท เช่น กลูตาเมต, โดพามีน และ GABA ได้อย่างเหมาะสม

ในงานวิจัยยุคใหม่พบว่า คนที่มีภาวะจิตเภทมีการทำงานของ AMPK ต่ำลง โดยเฉพาะในฮิปโปแคมปัสและพรีฟรอนทัลคอร์เทกซ์ ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวกับการตัดสินใจ อารมณ์ และความคิดเชิงเหตุผล หาก AMPK ไม่ทำงานดี สมองจะสะสมสารพิษ (ROS) มากขึ้น เกิดภาวะอักเสบ และนำไปสู่ความเสียหายของเส้นใยประสาท (dendrite atrophy)

Sirtuin โดยเฉพาะ SIRT1 และ SIRT3 มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมเซลล์สมอง ป้องกันการตายของเซลล์ประสาท และเพิ่มการสื่อสารระหว่างเซลล์ ในคนไข้จิตเภทพบว่า Sirtuin ต่ำลง และ NAD+ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้น Sirtuin ก็อยู่ในระดับต่ำเช่นกัน

mTOR ซึ่งเป็นเสมือน “เซ็นเซอร์ความอิ่ม” ของเซลล์ หากถูกกระตุ้นเกินจากน้ำตาลและโปรตีนมากเกินไป จะขัดขวางกระบวนการ Autophagy (การรีไซเคิลเซลล์ที่เสียหาย) ทำให้สมองสะสมความผิดปกติระดับเซลล์เรื่อย ๆ จนนำไปสู่การสับสนหลอน เสียงในหัว และความเป็นจริงที่ผิดเพี้ยน

จิตเภทจึงไม่ใช่แค่ “ความบกพร่องทางพันธุกรรม” อย่างที่เชื่อกันมาในอดีต แต่คือผลรวมของระบบพลังงานสมองที่ล้มเหลวในระดับเซลล์ ซึ่งสามารถ “ฟื้นฟูได้” หากรักษาที่ต้นเหตุ


2. อาการของภาวะจิตเภท

ภาวะจิตเภทแสดงอาการที่หลากหลาย แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่:

1. อาการบวก (Positive Symptoms):

  • หูแว่ว เห็นภาพหลอน
  • เชื่อว่ามีคนสะกดรอยหรือวางแผนทำร้าย
  • พฤติกรรมผิดแปลก เช่น พูดคนเดียว หัวเราะโดยไม่มีสาเหตุ

2. อาการลบ (Negative Symptoms):

  • ขาดอารมณ์ ไม่สนใจสิ่งรอบตัว
  • แยกตัว ขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต
  • พูดน้อย เงียบ ไม่โต้ตอบทางสังคม

3. อาการด้านการคิดและความจำ (Cognitive Symptoms):

  • มีปัญหาในการจดจำ
  • ตัดสินใจลำบาก
  • ความคิดวกวน ไม่สามารถเรียบเรียงความคิดได้ชัดเจน

อาการเหล่านี้เกิดจากความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง และเป็นผลลัพธ์ของการที่สมองขาดพลังงาน ฟื้นฟูตัวเองไม่ได้


3. แนวทางรักษาที่ต้นเหตุ: ฟื้นฟูสมองด้วยโภชนาการ คีโต IF และไลฟ์สไตล์

การรักษาโรคจิตเภทที่ปลายเหตุด้วยยาอย่างเดียว แม้จะลดอาการหลอนและความสับสนได้บางส่วน แต่ก็มักทำให้คนไข้สูญเสียพลังงาน ความสดชื่น และอารมณ์ด้านบวก การรักษาที่แท้จริงต้องเริ่มจากการฟื้นฟูระบบพลังงานสมอง ผ่านแนวทางดังต่อไปนี้:

1. โภชนาบำบัดแบบต้านอักเสบและฟื้นฟูไมโทคอนเดรีย

  • ลดอาหารแปรรูป น้ำตาล น้ำมันพืช
  • เสริมไขมันดี เช่น MCT oil, น้ำมันมะกอก
  • เพิ่มสารอาหารฟื้นฟูสมอง เช่น ไทอามีน, แมกนีเซียม, โอเมก้า-3, NAC, เรสเวอราทรอล, เคอร์คูมิน
  • สมุนไพรไทยที่ช่วยกระตุ้น AMPK เช่น บอระเพ็ด และขิงแก่

2. คีโตเจนิคไดเอต (Ketogenic Diet):
คีโตช่วยให้สมองใช้ “คีโตนบอดี้” แทนกลูโคส เป็นพลังงานสะอาดที่ลดการอักเสบและกระตุ้นการทำงานของไมโทคอนเดรีย
มีงานวิจัยพบว่าในคนไข้จิตเภทที่ดื้อต่อยารักษา เมื่อได้รับอาหารคีโต อาการหลอนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
คีโตยังเพิ่ม GABA ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยให้สมองสงบ และลดกลูตาเมตส่วนเกินที่ทำให้เกิดความสับสน

3. การอดอาหารแบบมีแบบแผน (IF 18/6):
การจำกัดช่วงเวลาการกินให้แคบลง ช่วยกระตุ้น AMPK ลดอินซูลิน เพิ่ม NAD+ และกระตุ้นกระบวนการ Autophagy
ซึ่งช่วยเคลียร์โปรตีนผิดปกติในสมองที่เกี่ยวกับจิตเภท เช่น DISC-1 และโปรตีนอักเสบที่รบกวนการสื่อสารของเซลล์ประสาท
IF ยังช่วยให้ร่างกายเข้าสู่โหมดฟื้นฟูและสร้างใหม่ (regenerative state)

4. ไลฟ์สไตล์เพื่อการฟื้นฟูสมอง:

  • เดินกลางแดดเช้าเพื่อให้จังหวะชีวภาพของสมองกลับมาปกติ
  • ฝึกสมาธิหรือการหายใจแบบลึก ๆ เพื่อลดคลื่นสมอง Beta ที่มากเกินไป
  • งดการนอนดึก และปรับให้นอนในช่วง 22:00–06:00 เพื่อให้ฮอร์โมนซ่อมแซมทำงานเต็มที่
  • หลีกเลี่ยงการกระตุ้นจากโซเชียลมีเดียหรือข่าวสารในช่วงก่อนนอน

แนวทางทั้งหมดนี้ เมื่อทำต่อเนื่อง จะช่วยให้สมองเกิดการปรับตัวใหม่ (Neuroplasticity) และฟื้นฟูการทำงานของวงจรความคิดและอารมณ์ให้กลับมาใกล้เคียงปกติได้ในระดับหนึ่ง


4. อโรคาโภชนา: แนวทางโภชนาฟื้นฟูสมองแบบองค์รวม

จิตเภทอาจฟังดูไกลตัว แต่อันที่จริงคือผลพวงของโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยอาหารแปรรูป น้ำตาล ความเครียด และการนอนหลับที่ผิดจังหวะ หากเรายอมรับว่า “สมอง” ต้องการพลังงานที่ดีและเสถียรพอ ๆ กับหัวใจ แนวทาง  อโรคาโภชนา -หรือการกินเพื่อไม่ให้เกิดโรค จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูสมองที่อ่อนล้า

อาหารไม่ใช่แค่การเติมพลัง แต่เป็นยาที่บำบัดเซลล์ได้ลึกยิ่งกว่ายาเม็ดใด ๆ
หากเราย้อนกลับไปสู่จังหวะธรรมชาติของการกิน การนอน การเคลื่อนไหว และการสงบใจ
โรคจิตเภทที่ดูเหมือนจะซับซ้อน ก็อาจกลายเป็นเพียง “สัญญาณ” ที่บอกว่าเราได้หลงลืมรากฐานของการมีสุขภาพดีไป

ใส่ความเห็น